การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF)

การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF)

07-12-2021
การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF)

นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา/ วันที่ 19พฤษภาคม 2560 –เด็กไทยเจ๋งกวาด 3 รางวัลในการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF) กิจกรรมวิทยาศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ ที่มีนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์กว่า 1,800 คน จาก 77 ประเทศมาร่วมแข่งขัน ระหว่างวันที่ 14 – 19 พ.ค. 60 ที่นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา 

ข่าวสาร

นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวถึงการนำเยาวชนไทยเดินทางมาเข้าร่วมการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก The Intel International Science and Engineering Fair 2017 (Intel ISEF) โดยการผลึกกำลังของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤษภาคม2560 ที่นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ในปีนี้เยาวชนไทยที่เรานำมากว่า 12 ทีม สามารถคว้ารางวัลบนเวทีนี้มาฝากคนไทยได้ถึง 3 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ 1. รางวัลที่ 4 สาขาสัตวศาสตร์จากโครงงาน“การย่อยสลายโฟมโดยตัวอ่อนแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์) ”ซึ่งเป็นผลงานของนางสาวนุชวรามูลแก้ว และนางสาวจิตรานุช ไชยราช นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง 2. รางวัลที่ 4 สาขาเคมี จากโครงงาน “การพัฒนาเซลล์สารกึ่งตัวนำสำหรับกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในสภาวะคลื่นแสงวิสิเบิล โดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส” ผลงานของนางสาวปรียาภรณ์ กันดี นางสาวณิชากรณ์ เขียวขำ และนางสาวพิมพ์โพยม สุดเจริญ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี และ 3. รางวัลสเปเชี่ยล อวอร์ดด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สาขาพืชศาสตร์ซึ่งมอบให้โดย มอนซานโต้ (Monsanto Company) บริษัทยักษใหญ่ข้ามชาติด้านเกษตรเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร หนึ่งในผู้สนับสนุนการประกวดของเวทีนี้ โดยโครงงานที่ได้รับรางวัลนี้คือ “สารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกในมะเขือเทศพันธุ์สีดา” ผลงานของนางสาวนฤภร แพงมา นางสาวจรรยพร โกฏิมนัสวนิขย์ และนายวิชชากร นันทัยเกื้อกูล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาขอนแก่น (ฝ่ายมัธยมศึกษา) มอดินแดง


          “ทั้ง 3 รางวัลที่เด็กไทยคว้ามาได้ในปีนี้ ยืนยันได้ถึงความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของคนไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผ่านเวทีที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของโลก ขอขอบคุณในความพยายามและความทุ่มเทของเยาวชนและครูอาจารย์ทุกคนที่ร่วมเดินทางมาปฏิบัติภารกิจเพื่อสร้างชื่อให้กับประเทศไทยในครั้งนี้ ไม่ว่าทีมใดจะได้หรือไม่ได้รางวัล แต่ก็ถือได้ว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยมที่สุดแล้ว” นายสุวรงค์ฯ กล่าว

ข่าวสาร

 นางสาวนุชวรา มูลแก้ว กล่าวถึงโครงงาน“การย่อยสลายโฟมโดยตัวอ่อนแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์)” ของทีมตนว่า โครงงานนี้มีที่มาจากการที่พวกตนเห็นว่าปัญหาด้านมลพิษจากขยะมีมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะขยะประเภทโฟม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 100 ปี กว่าจะย่อยสลายได้พวกตนจึงอยากหาวิธีการกำจัดโพลีสไตรีนโฟมโดยการย่อยสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพ และได้ไปศึกษาจากงานวิจัยพบว่าแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ของหนอนนก สามารถย่อยสลายพลาสติกโพลีสไตรีนได้ โดยหนอนนกเป็นตัวอ่อนของแมลงปีกแข็งชนิด Tenebriomolitor อยู่ในวงศ์ Tenebrionidae ซึ่งพวกตนก็ได้พบว่าในท้องถิ่นจังหวัดลำปางก็มีตัวอ่อนของแมลงปีกแข็งชนิด Zophobasmorio (หนอนนกยักษ์) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Tenebrionidae เช่นเดียวกัน จึงได้นำมาศึกษาทดลองจนพบว่า หนอนนกยักษ์สามารถกินและย่อยสลายโพลีสไตรีนโฟมและยังทำให้โครงสร้างโพลีสไตรีนโฟมเปลี่ยนไปได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้น โดยการย่อยสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพ

ข่าวสาร

ด้าน นางสาวปรียาภรณ์ กันดี อธิบายถึงความเป็นมาของโครงงาน “การพัฒนาเซลล์สารกึ่งตัวนำ สำหรับกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในสภาวะคลื่นแสงวิสิเบิล โดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส” ว่าการปล่อยน้ำเสียหลังจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอมักพบการเจือปนของสีย้อม เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการกำจัดสีย้อม เนื่องจากสีย้อมมีโมเลกุลขนาดเล็ก ไม่สามารถกำจัดได้อย่างทั่วถึง ซึ่งกระบวนการกำจัดแบบเดิม เช่นการใช้แบคทีเรียและสารเคมีที่มีต้นทุนสูงและไม่สามารถใช้ซ้ำใหม่ได้ซึ่งเกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมระยะยาว พวกตนจึงได้พัฒนาขั้วไฟฟ้าเซลล์สารกึ่งตัวนำในการกำจัดสีย้อมอุตสาหกรรมในช่วงคลื่นวิสิเบิลโดยกระบวนการโฟโตอิเล็กโตรคะตะไรซิส (Photoelectrocatalysis) ซึ่งพบว่า มีประสิทธิภาพในการกำจัดสีย้อมสูงสามารถใช้งานซ้ำใหม่ได้และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานทดแทนได้อีกด้วย

ข่าวสาร

     ในส่วนของ โครงงาน “สารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกในมะเขือเทศพันธุ์สีดา” นายวิชชากร นันทัยเกื้อกูล กล่าวว่า โครงงานนี้เกิดจากการที่พวกตนเห็นว่ามะเขือเทศเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก แต่มะเขือเทศมักถูกโรคใบหงิกเหลืองคุกคาม จึงทำให้ผลผลิตเสียหายได้เกือบ 100% โดยโรคนี้จะเกิดจาก 3 สาเหตุ คือ1. เชื้อไวรัส TYLCV ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา 2. แมลงพาหะที่นำเชื้อไปสู่พืช และ 3. วัชพืชในแปลงที่เป็นแหล่งให้แมลงพาหะมาอาศัย โดยเฉพาะในระหว่างที่เกษตรกรใช้สารเคมีกำจัดแมลงพาหะบนต้นมะเขือเทศ แมลงพาหะก็จะไปอาศัยในวัชพืชแทนส่งผลให้เกษตรกรต้องใช้สารเคมีจำนวนมากในการกำจัดซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตและยังกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พวกตนจึงต้องการหาสารจากพืชวงศ์ Compositae ที่มีการรายงานฤทธิ์ทางชีวภาพว่าสามารถกำจัดไวรัส แมลง และวัชพืช มาควบคุมการเกิดโรค TYLC ได้มาแก้ปัญหาดังกล่าวซึ่งในที่สุดพวกตนก็ได้พบว่า “หญ้าสาบแร้ง” เป็นพืชที่เหมาะต่อการนำมาทำเป็นสารชีวภาพของสารสกัดหยาบจากหญ้าสาบแร้ง ด้วยมีสารที่สามารถควบคุมสาเหตุวงจรการเกิดโรคใบหงิกเหลือง (tomato yellow leaf curl) ในมะเขือเทศพันธุ์สีดาได้ โดยพวกตนได้ทำการทดลองทั้งในสภาพแปลงทดลอง และแปลงปลูกของเกษตรกร ซึ่งผลการทดลองที่ออกมาก็สอดคล้องกัน คือ1. แม้สารสกัดหยาบไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ แต่มีผลต่อการชะลอการแสดงอาการของโรค 2. กำจัดแมลง โดยเฉพาะแมลงหวี่ขาวที่เป็นพาหะของโรค และ 3. สามารถกำจัดวัชพืชได้ซึ่งจะทำให้ผลผลิตมะเขือเทศสูงขึ้น ที่สำคัญสามารถลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกร จึงเป็นการช่วยลดต้นทุน รวมถึงอันตรายจากสารเคมีที่จะเกิดต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมได้

Related