องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็น “ภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระหว่างประเทศ”

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็น “ภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระหว่างประเทศ” เนื่องจากพบการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในหลายประเทศและขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในประเทศต่างๆ แล้วกว่า 18 ประเทศ และเมืองหูเป่ยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นถึง 48 คน ในวันเดียว

หลายสำนักข่าวได้เผยแพร่การประกาศภาวะฉุกเฉินของการระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินที่เฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาตลอด 24 ชั่วโมง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก นายแพทย์เทดรอส อัธนอม เกเบรเยซุส (Dr.Tedros Adhanom Ghebreyesus) ได้ระบุเหตุผลสำคัญของการประกาศภาวะฉุกเฉินนี้เนื่องมาจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนา จากสถิติการติดเชื้อและการเสียชีวิตมีตัวเลขพุ่งขึ้นสูงมาก ทำให้องค์การอนามัยโลกมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ในประเทศอื่นๆที่มีระบบป้องกันด้านสาธารณสุขอ่อนแอหรือไม่ดีพอ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการแสดงความไม่ไว้วางใจหรือสถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนแต่อย่างใด โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าประเทศจีนมีมาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนาที่ดีมาก แต่ก็ยังยากที่จะจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ได้

ซึ่งการประกาศยกระดับภาวะฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในครั้งนี้ ทำให้ประเทศหรือหน่วยงานต่างๆ นำข้อมูลนี้เป็นเหตุผลเพื่อประกาศปิดหรือยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีนรวมถึงการทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยไม่มีข้อกังขา และที่สำคัญทำให้ประเทศต่างๆ ต้องเข้มงวดเรื่องการระวังการติดเชื้อและการระบาดของไวรัสโคโรนามากขึ้น รวมถึงต้องปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ WHO อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อและแพร่เชื้อไวรัสนี้มากขึ้นอีก

ในขณะนี้หลายประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศจีนได้ประกาศปิดพรมแดนและยกเลิกเที่ยวบินชั่วคราวแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเสนอขอยกเลิกวีซ่า visa on arrival (VOA) (การขอวีซ่าจากประเทศปลายทาง) จากประเทศจีนเป็นการชั่วคราวด้วย
 

ผู้เขียน นางสาววรภร  ฉิมมี

ที่มาของภาพ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864401
ที่มาของแหล่งข้อมูล https://www.bbc.com/news/world-51318246
ค้นคว้าเพิ่มเติม
https://www.komchadluek.net/news/foreign/413854
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864370
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864401