จากการพบน้ำพุพวยพุ่งสูงกว่า 2 เมตร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ขณะขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลใน ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เมื่อชิมดูพบว่า มีรสซ่าคล้ายโซดาและอมหวานเล็กน้อย จนชาวบ้านเรียกกันว่าน้ำพุโซดานั้น นับเป็นแหล่งน้ำพุที่มีความพิเศษไม่เคยพบในประเทศไทยมาก่อน หลังข่าวแพร่ออกไป มีประชาชนที่สนใจเดินทางมาดูและทดลองชิมกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ออกมาเผยว่า แม้ว่าน้ำพุนี้จะมีค่า pH 6.75 ซึ่งใกล้เคียงกับน้ำดื่ม แต่ไม่แนะนำให้ประชาชนนำมาดื่มโดยตรงเนื่องจากพบว่ามีปริมาณธาตุเหล็กสูงเกินกว่ามาตรฐานนั่นคือ 1.2 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่มาตรฐานไม่ควรเกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ดังนั้นหากดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาจมีผลต่อค่าความเข้มข้นของเลือดได้ (เลือดของเรามีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบสำคัญ) จึงควรนำไปผ่านเครื่องกรองที่สามารถกรองเอาธาตุเหล็กออกก่อนที่จะนำไปบริโภค โดยขณะนี้ทางการได้ติดป้ายแจ้งเตือนไม่ให้ประชาชนนำน้ำดังกล่าวมาบริโภคเป็นการชั่วคราวแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญได้ให้สาเหตุที่น้ำบาดาลที่นี่มีรสชาดคล้ายน้ำโซดาว่า เนื่องจากหลายองค์ประกอบด้วยกัน คือ แหล่งน้ำนี้อยู่ในชั้นหินร้อนที่ทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงคือ ราว 35 องศาเซลเซียสประกอบกับน่าจะมีหินปูนที่ถูกความร้อนแล้วจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาสะสมในน้ำ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการทำให้เกิดน้ำโซดาในทางอุตสาหกรรม และความซ่านี้จะลดลงไปเมื่อตั้งทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ พุโซดา ห้วยกระเจา นอกจากจะเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยแล้ว ยังมีปริมาณน้ำมากถึง 500 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แก่พื้นที่ 11 หมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตรอีก 300 ไร่ในพื้นที่ห้วยกระเจาได้เป็นอย่างดี
ผู้เขียน วารี อัศวเกียรติรักษา
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารวิทยาศาสตร์ อพวช.
ที่มาของรูปภาพ
ที่มาของแหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/pg/Groundwaterthailand/posts/