แมว หรือ แมวบ้าน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis catus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในตระกูล Felidae ต้นตระกูลมาจากเสือไซบีเรีย (Felis tigris altaica)
จัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อ มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ โดยทั่วไปมีการแบ่งพันธุ์แมวออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ
คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และ แมวขนสั้น (shorthaired cat)
แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงหรือที่เราเรียกว่า Domestic cat นั้นมีวิวัฒนาการมาจากแมวป่าในธรรมชาติจากหลายภูมิภาคของโลก
จากผลสำรวจของ American College of Allergy, Asthama and Immunology มีคนประมาณ 10% ที่มีอาการแพ้สัตว์เลี้ยง และมีคนที่แพ้แมวมากเป็น 2 เท่าของสุนัข
และสำหรับเด็กอายุ 6 - 19 ปี มีเด็กประมาณ 1 ใน 7 ที่แพ้แมว
ความจริงแล้ว ไม่ใช่ขนแมวที่ทำให้เกิดอาการแพ้ คนที่แพ้แมวเกือบทั้งหมด แพ้โปรตีน Felis domesticus allergen 1 เรียกย่อๆ ว่า Fel d 1 ที่อยู่ในผิวหนังของแมว
สาเหตุที่ทำให้เกิดการแพ้แมวมากกว่าสุนัข เพราะขนาด และรูปร่างของอนุภาคโปรตีน Felis domesticus allergen 1 เรียกย่อๆ ว่า Fel d 1 ที่เล็ก และเบามาก
มันมีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นฝุ่น Fel.d1 จะมีอยู่ในน้ำลายและผิวหนังของแมวทุกตัว และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายชั่วโมง แถมยังเหนียวหนึบ
สามารถเกาะติดกับผิวหนังมนุษย์ เสื้อผ้า และติดอยู่อย่างนั้นได้เป็นเวลานาน ทำให้สารก่อภูมิแพ้ของแมวมีอยู่ทั่วไป แม้ในสถานที่ที่ไม่มีแมวอย่าง ห้องเรียน คลินิก ทีนี้พอจะนึก
ออกหรือยังว่าเราแพ้ขนแมวได้ยังไง ก็เมื่อแมวเลียตัวเอง Fel.d1 ก็จะเคลือบอยู่ที่เส้นขนของแมว ดังนั้นไม่ว่าแมวขนสั้น ขนยาว หรือแมวไม่มีขน คุณก็เกิดอาการแพ้ได้อยู่ดี
และสารตัวนี้ยังสะสมอยู่ได้นาน 5-6 เดือนเลยเชียวและแมวตัวผู้ โดยเฉพาะแมวที่ไม่ถูกตอน จะผลิต Fel d 1 มากกว่าแมวตัวเมีย อันเป็นผลมาจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
อาการของโรคภูมิแพ้คงไม่ต้องบอกอะไรมาก โดยมากจะรู้ๆกันอยู่ เช่น คันตามผิวหนัง คันตา คันจมูก จาม น้ำมูกไหล ไปจนถึงหายใจไม่ออก เป็นหอบหืด หายใจไม่ออก
ภาพจาก : http://images.wisegeek.com/woman-with-cat-on-lap-with-kleenex-on-nose.jpg
การเตรียมตัวรับมือกับโรคภูมิแพ้
1. อย่างแรกเลยก็หมั่นทำความสะอาดทั้งที่อยู่และตัวแมว ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงสาร Fel.d1 ไม่ได้แล้ว ก็ต้องลดปริมาณที่มีอยู่ให้น้อยลง การอาบน้ำแมวบ่อยๆ
ก็จะช่วยลดสาร Fel.d1 ที่ติดตามขนลงได้ และยังได้กำจัดไรฝุ่นหรือสารอื่นที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ด้วย และหากพื้นห้องเป็นพรมซึ่งจะเป็นที่เก็บสะสมสารที่ก่อ
ให้เกิดอาการแพ้ได้อย่างดี ก็น่าจะเปลี่ยนเป็นพื้นเรียบๆทำความสะอาดง่าย หรือจะใช้เครื่องฟอกอากาศก็ช่วยได้ในส่วนหนึ่งเช่นกัน
2. ใช้น้ำยากำจัดสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เช็ดตัวและขนของสัตว์เลี้ยง เช่น แมว น้ำยานี้จะช่วยทำให้เศษผิว รังแค คราบน้ำลายหลุดออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยไม่ต้องอาบน้ำ เพียงเช็ดตามผิวอาทิตย์ละครั้ง เช่น Allerpet Dander-Off หรือ Aller Free บ้านเรายังไม่มีจำหน่า
3. อย่าเลี้ยงสัตว์ในห้องนอน เพราะจะเป็นตัวแพร่สารก่อภูมิแพ้ หมอภูมิแพ้ในคนเล่าว่าถ้าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ช่วงกลางคืนขณะหลับ (8-10 ชม.)
จะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีความต้านทานสารก่อภูมิแพ้สูงขึ้นในเวลากลางวัน
แหล่งที่มาข้อมูล : Yahoo! News
พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง : วิธีลดสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง : โดย ... ปานเทพ รัตนากร, คอลัมน์ Cat Care โดย สพ.ญ.ภควัน ศาสตรานรากุล
เรียบเรียงโดย : รักชนก บุตตะโยธี