ป่าไม้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 31% ของพื้นที่บนบก ป่าไม้มีความสำคัญต่อการควบคุมสภาพอากาศของโลก เป็นแหล่งผลิตอากาศและน้ำที่สะอาด และเป็นแหล่งกระจายพันธุ์ของพืชและสัตว์หลากหลายชนิด ป่าไม้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่าเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์อีกด้วย
เนื่องในวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็นวัน “ป่าไม้โลก” ในปีนี้จึงเชิญชวนผู้อ่านมาดูห้าประโยชน์ที่ป่าไม้ที่ช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น
1.ป่าช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น: การใช้เวลาในป่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายหลายประการ ตัวอย่างเช่น งานวิจัยในวารสาร Environmental Health and Preventive Medicine พบว่าระยะเวลาที่อยู่ในป่ามีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ที่ลดลง ความดันโลหิตลดลง และความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการทำให้ สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ ป่าไม้ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินหายใจ โดยการกรองมลพิษและอนุภาคในอากาศ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางเดินหายใจ
2.ความเครียดลดลงและสุขภาพจิตดีขึ้น: การสัมผัสกับธรรมชาติ รวมทั้งป่าไม้ ส่งผลให้ร่างกายและจิตใจสงบลง ซึ่งสามารถลดความเครียดและทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Psychology พบว่าระยะเวลาอยู่ในธรรมชาติสัมพันธ์กับอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ที่ลดลง นอกจากนี้ การสัมผัสกับธรรมชาติยังช่วยเพิ่มความสนใจและลดอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็กอีกด้วย
3.เกิดความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพของการทำงานดีขึ้น: การใช้เวลาอยู่ในป่าไม้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการทำงานของสมอง ตัวอย่างเช่น การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Psychology พบว่าการใช้เวลาในธรรมชาติช่วยเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ในผู้ใหญ่ นอกจากนี้ การสัมผัสกับธรรมชาติยังส่งผลดีกับประสิทธิภาพการทำงานด้วย โดยมีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าคนงานที่อยู่ใกล้กับวิวธรรมชาติมีประสิทธิผลการทำงานมากกว่าและมีโอกาสลาป่วยน้อยกว่าคนที่ไม่ได้สัมผัสธรรมชาติ
4.มีความสัมพันธ์กับสังคมมากขึ้น: ป่าไม้และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ช่วยให้มีโอกาสได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับสุขภาพจิต ตัวอย่างเช่น การเข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการกลางแจ้ง ได้แก่ กิจกรรมแคมป์ปิ้ง ดูนก และศึกษาธรรมชาติ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกับผู้อื่นจะมีส่วนช่วยในการสร้างความผูกพันและเชื่อมโยงในมิติทางสังคม
5.ความรู้สึกเป็นสุขและได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้น: การอยู่ในธรรมชาติสามารถช่วยให้เราพัฒนาความซาบซึ้งและเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความรู้สึกเชื่อมโยงนี้ส่งผลให้สุขภาพจิตและความสุข ตลอดจนมีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมื่อเรารู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ จะมีแนวโน้มให้เรามีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ช่วยเรื่องการอนุรักษ์และการอยู่อย่างยั่งยืน
จากที่เราทราบกันดีว่าป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรที่ให้ประโยชน์มากมายทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของมนุษย์ เพียงแค่หาเวลาส่วนหนึ่งของชีวิตออกไปชื่นชมความงามของธรรมชาติ และอย่าลืมหันกลับมาพิจารณาว่าตัวคุณจะช่วยปกป้องและรักษาทรัพยากรเหล่านี้สำหรับคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร
เรื่อง/ภาพ
Nat. เติ้ล อมรพงษ์ คล้ายเพชร
สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา