เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย พร้อมด้วย ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และคุณอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย แถลงเตรียมจัดงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” ที่พร้อมจัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 5-8 เมษายน 2566 นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) คาดมีผู้ประกอบการร่วมงานจากในและต่างประเทศ กว่า 200 แบรนด์จาก 15 ประเทศ ดึงดูดผู้ร่วมงานกว่า 3,000 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมจัดเวทีสำคัญมากมาย อาทิ โปรแกรม Business Matching เจรจาจับคู่ทางธุรกิจ สร้างโอกาสเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เวทีสัมมนา Trend Forum กว่า 10 หัวข้อ โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม, การประกวดนวัตกรรมสินค้าสำหรับเด็ก Innovation Award คาดมีมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมช่วยสร้างศักยภาพให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กภูมิภาคอาเซียนเติบโตไปอีกขั้น
นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย เผยว่า งาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% และพร้อมที่จะจัดงานอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 5-8 เมษายน 2566 นี้ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 แบรนด์จากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และจีน ประกอบไปด้วยสินค้าประเภท ผลิตภัณฑ์ของเล่นเสริมพัฒนาการและเพื่อการศึกษา, ผลิตภัณฑ์เก้าอี้เด็ก รถเข็น และเฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขลักษณะแม่และเด็ก, เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายแม่และเด็ก, ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็ก, ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับเลี้ยงเด็ก รวมทั้งบูธจากหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย สื่อ และสมาคมต่าง ๆ
งานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์และของใช้จำเป็นสำหรับเด็กแห่งภูมิภาคอาเซียน ครั้งนี้ ยังคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้กว่า 3,000 คน จากประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และโดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน +3 +6 อย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยจะมีทั้งกลุ่มผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ผู้ค้าออนไลน์ โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์เลี้ยงเด็ก ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้พบกับสินค้าที่หลากหลาย อัพเดทเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากกิจกรรมโปรแกรมสัมมนาที่มีเนื้อหาเชิงลึกและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมแม่และเด็ก ไปจนถึงการรวมตัวพบปะกับผู้ผลิตชั้นนำตัวจริง เพื่อต่อยอดและสร้างเครือข่ายด้วยการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เป็นโอกาสที่ดีในการบุกและขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอันรวดเร็ว
ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เผยว่า อพวช. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทรรศการและกิจกรรม เพื่อให้เยาวชนและประชาชนไทยมีโอกาสได้เข้าถึงวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดย อพวช. ได้คิดค้นและพัฒนานิทรรศการ Plearn Science Exhibition ชุด Plearn Science Explorer ซึ่งเป็นนิทรรศการเคลื่อนที่ (Traveling exhibition) สำหรับเด็กปฐมวัยขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ พร้อมพัฒนาทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยจะถูกนำมาจัดแสดงภายในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 นี้ ซึ่งนิทรรศการฯ ชุดนี้ เป็นรูปแบบ Hands-on ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้และสนุกไปกับตัวชิ้นงานด้วยตัวเอง พร้อมสอดแทรกความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อาทิ เรื่องนํ้าและอากาศ, เรื่องแสงสี การมองเห็น และเสียง, เรื่องไฟฟ้า แม่เหล็ก, เรื่องร่างกายของเรา และเรื่องท่องโลกผ่านการนับจำนวน ที่เด็ก ๆ จะได้รับทั้งความสนุกสนานและเสริมสร้างพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัย ทั้งนี้ คาดหวังว่าจะงานนี้จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ อพวช. จะได้รับการสนับสนุนและความสนใจจากหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน และพร้อมที่จะผลักดันให้สังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป
ด้าน คุณอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้ของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทยสามารถสู้กับตลาดโลกได้ ตัวผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ใส่ใจในความยั่งยืน อาทิ ของเล่นไม้จากยางพารา ของเล่นจากพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยตอบโจทย์กับพ่อแม่ที่ยอมเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพและปลอดภัย สูงขึ้นไม่น้อยกว่า 15% ซึ่งสัดส่วนการใช้จ่าย จะอยู่ประมาณ 30% ของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นส่วนการซื้อของเล่นอยู่ประมาณ 10% (สูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตไม่เกิน 5%) ทั้งนี้ยังช่วยสร้างการเติบโตในต่างประเทศ จากแนวโน้มการส่งออกขยายตัวมากขึ้น โดยปี 2565 ตลาดของเล่นส่งออกอยู่ที่ประมาณ 9,800 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2564 อยู่ 15% และสมาคมฯ คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะสามารถเพิ่มยอดการส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 10%
ทั้งนี้ ภายในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 ยังมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความน่าสนใจมากมาย อาทิ ได้รับเกียรติจาก “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ มาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “การพัฒนาเด็กกับอนาคต กทม.” , Child Care Center Prototype จำลองศูนย์เลี้ยงเด็กต้นแบบ, Business Matching การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อยกระดับให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในภูมิภาคให้เติบโตไปอีกขั้น, กิจกรรมซื้อขายสินค้าแม่และเด็กจากผู้ผลิต (เฉพาะวันที่ 8 เมษายน 2566 เท่านั้น) พบกับสินค้าหายากพร้อมสินค้าชั้นนำที่นำมาประมูลพิเศษ โดยรายได้จะส่งมอบให้กับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัด กทม. , กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ที่มาร่วมสนุกในงาน รวมถึงเวทีสัมมนารูปแบบ Trend Forum จากหัวข้อต่าง ๆ กว่า 10 หัวข้อ ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรม อาทิ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับผลิตภัณฑ์เด็ก, การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจของเล่นด้วยโมเดล BCG, โอกาสทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์แม่และเด็กหลังโควิด และอีกหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจตลอด 4 วัน
ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมดูรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ kindundjugend.asia หรือ facebook.com/kindundjugendasean