เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งช่วงนี้กำลังอยู่ในฤดูร้อนทำให้สภาพอากาศร้อนมาก หลายคนคงพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยคลายความร้อนให้กับตนเองและบ้านเรือนกัน ทราบหรือไม่ว่าหลอดไฟที่ติดตั้งอยู่ภายในบ้านนั้น ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความร้อนขึ้นภายในบ้านได้ โดยเฉพาะหลอดไฟแบบหลอดไส้ (Incandescent) ที่ให้แสงสว่างสวยงาม นวลตา แต่ต้องแลกมากับความร้อนที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังกินไฟอีกด้วย เนื่องจาก ภายในหลอดไฟชนิดนี้มีขดลวดที่ทำจากทังสเตน เมื่อเปิดไฟใช้งาน กระแสไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อน ยิ่งร้อนมาก ยิ่งให้แสงสว่างมาก และมีอายุการใช้งานต่ำ ดังนั้น การเลือกใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานอย่าง หลอดไฟแอลอีดี (LED : Light Emitting Diodes) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดไฟ และยังช่วยลดความร้อนภายในบ้านลงได้อีกด้วย เพราะหลอดไฟ LED มีหลักการทำงาน คือ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาภายในสารกึ่งตัวนำ จะทำให้ อิเล็กตรอนเกิดการเคลื่อนที่ภายในสารกึ่งตัวนำนั้นและส่งผลทำให้เกิดการเรืองแสงขึ้น จึงปลดปล่อยความร้อนออกมาน้อยมากเมื่อเทียบกับหลอดไส้ เป็นการช่วยลดความร้อนในบ้านลง เราก็จะรู้สึกเย็นสบายขึ้น นอกจากนี้ หลอดไฟ LED ยังมีความคงทน มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 30,000-100,000 ชั่วโมง ในขณะที่หลอดไส้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยเพียง 1,000 ชั่วโมง และยังช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าหลอดไส้ถึง 80-90 % เมื่อรู้ข้อดีของหลอดไฟ LED อย่างนี้แล้ว เราควรหันมาใช้หลอดไฟ LED กัน เพื่อช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและค่าไฟในแต่ละเดือน แถมยังช่วยลดอุณหภูมิในบ้านของเราได้ดีกว่าอีกด้วย
ภาพจาก : https://www.shutterstock.com/th/image-photo/power-saving-concept-asia-man-changing-790594240?src=s78-_L-zSNI6RLGtXnZIow-1-2 (Stock Photo ID : 790594240)
https://www.factomart.com/th/factomartblog/principle-of-led/
ผู้เขียน : นายชนินทร์ สาริกภูติ
บรรณาธิการ (วิชาการ) : นางสาวอุมาภรณ์ เครือคำวัง
บรรณาธิการ (ภาษา) : นายอานุภาพ สกุลงาม