นับว่าเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้สายชาร์จไอโฟน (iPhone) จำนวนมาก ที่ขาดและเสียง่าย จนกลายเป็นเรื่องที่ถามกันอยู่ตลอดว่า เพราะเหตุใดแอปเปิลจึงไม่พัฒนาสายชาร์จให้ทนทานกว่านี้ ซึ่งสาเหตุของปัญหาดังกล่าว คงเป็นเรื่องวัสดุที่ใช้ผลิตสายชาร์จนั่นเอง เนื่องจากวัสดุที่แอปเปิลใช้ผลิตสายชาร์จนั้น จะเน้นในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และไม่ใช้วัสดุที่เป็นมลพิษต่อธรรมชาติ
แอปเปิลได้ยกเลิกการใช้วัสดุประเภทพลาสติกพีวีซีในการผลิตสายชาร์จ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) โดยหันมาใช้วัสดุธรรมชาติประเภทยางเทอร์โมพลาสติกแทน ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตอื่นๆ ยังคงใช้พลาสติกพีวีซี โดยแอปเปิลได้ยึดหลัก 3 ดี คือ
• ดีต่อธรรมชาติ: กระบวนการผลิตที่ดี รับผิดชอบต่อการรักษาธรรมชาติด้วยกรรมวิธีแบบรีไซเคิลเพื่อลดมลพิษที่จะเกิดในพื้นดิน อากาศ และน้ำ นอกจากนี้มาตรฐานอุตสาหกรรมการผลิตในเรื่องการรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมก็สูงกว่าที่กฎหมายบังคับ รวมทั้งผู้ที่ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับแอปเปิลก็ต้องใช้กฎเดียวกัน
• ดีต่อผู้ใช้: แอปเปิลมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลมีความปลอดภัยในการใช้งานไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี อย่างเช่น สายชาร์จต่างๆ ไม่ใช้ส่วนผสมของพลาสติกพีวีซี และสารพาทาเลตที่ทำให้พลาสติกมีความอ่อนตัว ทัชสกรีนไม่มีสารหนู (Arsenic) เคสและวัตถุใกล้เคียงปลอดสารหน่วงไฟประเภทโบรมีน (BFR)
• ดีต่อผู้ผลิต: แอปเปิล มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สภาพการทำงานหรือการผลิตนั้นปลอดภัยต่อผู้ผลิต นอกจากตัวผลิตภัณฑ์จะไม่มีสารพิษแล้ว กระบวนการผลิตก็จะต้องไม่มีสารพิษเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม แอปเปิล ได้ทดสอบสายชาร์จ ด้วยการหมุนกลับไปกลับมาหลายรอบ เพื่อทดสอบความทนทานของสายชาร์จไอโฟนว่าไม่ได้ขาดง่ายอย่างที่คิด และนี่คือคำตอบที่ว่า “ทำไมสายชาร์จไอโฟนจึงชำรุดง่าย”
ที่มาของรูปภาพ
http://www.techmoblog.com/broken-iphone-lightning-cable
ที่มาของข้อมูล
www.apple.com/th