ภาพจาก: http://www.aatcc.org/abt/history
การสวมใส่เสื้อผ้าในทุก ๆ วันของเราสามารถป้องกันผิวหนังจากรังสียูวีในแสงแดดได้ และเนื่องจากเสื้อผ้าในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายแบบและหลากหลายเนื้อผ้าให้เลือกตามความต้องการ ซึ่งทราบหรือไม่ว่าเนื้อผ้าแต่ละประเภทนั้นให้ความสามารถในการป้องกันรังสียูวีต่างกัน ครั้งนี้จึงขอรวบรวมปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดของเสื้อผ้ามาให้ทราบกัน
จากที่เกริ่นไว้ข้างต้น ผ้าแต่ละแบบมีความสามารถในการป้องกันรังสีแตกต่างกัน โดยค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีของผ้าหรือสิ่งทอ (UPF หรือ Ultraviolet Protection Factor) วัดได้จากปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านผ้ามายังผิวหนังของเรา เปรียบเทียบกับปริมาณรังสียูวีที่ฉายมายังผิวหนังโดยไม่มีสิ่งใดกั้นอยู่เลย ตัวอย่างเช่น ผ้าที่มีค่า UPF เท่ากับ 50 หมายถึง รังสียูวีสามารถทะลุผ่านผ้าชนิดนั้นได้เพียง 1 ใน 50 ส่วน นั่นคือสามารถป้องกันรังสียูวีได้ 98% ทั้งนี้ ค่า UPF ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่
1. ชนิดของเส้นใย: ผ้าพอลีเอสเตอร์ (polyester) ป้องกันรังสียูวีได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าไนลอนและเรยอน ตามลำดับ ส่วนผ้าลินิน ผ้าฝ้ายจะป้องกันรังสียูวีได้น้อยที่สุด อันเป็นผลมาจากโครงสร้างทางเคมีของเส้นใย
2. ความหนาแน่นของผืนผ้า: ผ้าที่มีความหนาแน่นมากย่อมป้องกันรังสียูวีได้ดี เช่น ผ้าหนาย่อมป้องกันรังสียูวีได้ดีกว่าผ้าบาง ในทำนองเดียวกัน ผ้าที่ถูกขึงตึงหรือเสื้อผ้าที่รัดแน่นรวมถึงผ้าที่มีรูพรุนมากจะป้องกันรังสียูวีได้น้อยลง
3. ความชื้น: ผ้าที่เปียกชื้นจะป้องกันรังสียูวีได้น้อยลง เพราะความชื้นทำให้ผ้าสะท้อนรังสียูวีได้ไม่ดี
4. สี: ผ้าที่มีสีเข้มจะดูดซับรังสียูวีไว้ได้มาก ทำให้ผ้าสีเข้มป้องกันรังสียูวีได้ดีกว่าผ้าสีอ่อน
5. กระบวนการทางสิ่งทออื่น ๆ เช่น ผ้าที่ผ่านการย้อมสีหรือพิมพ์ลายจะดูดซับรังสีได้ดีกว่าผ้าธรรมดา ผ้าดิบจะดูดซับรังสีได้ดีกว่าผ้าที่ผ่านการฟอกขาว เป็นต้น
ในปัจจุบันได้มีการพัฒนากระบวนการตกแต่งผ้าชนิดต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันรังสียูวีโดยตรง โดยการเติมสารช่วยดูดซับรังสียูวี (UV Absorber) เช่น Oxaldianilide, อนุพันธ์ของ Benzotriazole เป็นต้น ลงบนผืนผ้า ซึ่งมิได้จำกัดเพียงเสื้อผ้าที่เราสวมใส่เท่านั้น แต่รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากผ้าด้วย เช่น ร่ม หมวก ผ้าม่าน ฯลฯ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวี ด้วยการเปลี่ยนรังสียูวีเป็นพลังงานความร้อนในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นใย แต่เมื่อผ่านการซักและใช้งานไปในระยะหนึ่งประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดดจะลดลง นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาผงซักฟอกที่ผสมสารดูดซับรังสียูวีซึ่งช่วยป้องกัน UVA ได้บางส่วนมาช่วยเสริมประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผ้านั้นต้องผ่านการซัก 10-20 ครั้งจึงจะได้ผล
จากข้อมูลตามที่ได้กล่าวมานั้น แสดงให้เห็นถึงสมบัติการป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดของเสื้อผ้า เพื่อเป็นข้อมูลและทางเลือกให้ผู้บริโภคนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันตามความสะดวกและเหมาะสม อันเป็นประโยชน์สูงสุดในการปกป้องตนเองจากรังสียูวีนอกเหนือจากการใช้ผลิตภัณฑ์สารกันแดด
ที่มา: http://www.aatcc.org/test/methods/test-method-183/
www.science.mju.ac.th/chemistry/download/a_kongdee/คอ362-บทที่%201%20การทำความสะอาด-2-57.pdf
www.doctor.or.th/article/detail/1895
เรียบเรียงโดย: ณัฐสุดา จันทร์พฤกษา