ภาพจาก : http://images.sciencedaily.com/2016/02/160204150602_1_540x360.jpg
หลักฐานจากสารพันธุกรรม (DNA) ที่ได้จากกระดูกและฟันของมนุษย์โบราณที่เคยอาศัยอยู่ในทวีปยุโรป จากปลายยุค Pleistocene ถึงต้นยุค Holocene ซึ่งกินระยะเวลาเกือบ 30,000 ปีของประวัติศาสตร์ยุโรป เผยประชากรชาวยุโรปยุคโบราณ ได้สูญหายไปหลังยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย และชาวยุโรปปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มคนที่อพยพมาจากที่อื่น
นักวิจัยปะติดปะต่อประวัติศาสตร์ที่หายไปนี้ด้วยการสร้างจีโนมของไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial DNA) ขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้จากการเก็บตัวอย่างจากกลุ่มชนเร่ร่อน (กลุ่ม hunter-gatherer : กลุ่มคนที่ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และหาพืชเป็นอาหาร โดยรู้วิธีเก็บสำรองอาหาร) จำนวน 35 คน ที่เคยอาศัยอยู่ในอิตาลี เยอรมนี เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเช็ก และโรมาเนีย จากช่วงเวลาเมื่อ 35,000 ถึง 7,000 ปีก่อน ซึ่งไมโตคอนเดรียเป็นอวัยวะภายในเซลล์ที่มีดีเอ็นเอเป็นของตัวเอง และสามารถนำมาใช้สืบหารูปแบบบรรพบุรุษทางเชื้อสายผู้เป็นแม่ได้
ผลการศึกษาทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่า ไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอในประชากรคนแอฟริกันทุกคน ในทุกวันนี้ มาจาก 2 กลุ่มใหญ่ คือแฮ็ปโลกรุ๊ป N (haplogroup N) และแฮ็ปโลกรุ๊ป M ซึ่งแฮ็ปโลกรุ๊ป M พบได้โดยทั่วไปในคนเอเชีย ออสเตรเลีย และชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่ไม่พบในคนยุโรปเลย แต่อย่างไรก็ตาม จีโนมของตัวอย่างคนเร่ร่อนโบราณก่อนยุคน้ำแข็ง จำนวน 3 คนที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณประเทศฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมในปัจจุบัน เป็นแฮ็ปโลกรุ๊ป M ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวประชากรแฮ็ปโลกรุ๊ป M ได้หายไปจากทวีปยุโรป
การหายไปของประชากรแฮ็ปโลกรุ๊ป M และการปรากฏขึ้นในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก เคยนำไปสู่การโต้แย้งก่อนหน้านี้ที่ว่า ประชากรที่ไม่ใช่แอฟริกัน เคยเดินทางแพร่กระจายไปหลายต่อหลายครั้งทั่วยูเรเชียและออสเตรเลียแต่การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ประชากรที่ไม่ใช่แอฟริกันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากกลุ่มประชากรเดียว และเมื่อราว 50,000 ปีก่อนพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ทวีปยุโรป จากนั้นในช่วงปลายของยุคดังกล่าว ประชากรแฮ็ปโลกรุ๊ป M ก็ได้หายไปจากยุโรป
และเมื่อยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 25,000 ปีก่อน ประชากรกลุ่มคนเร่ร่อนก็ได้อพยพถอยร่นลงไปทางใต้ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียประชากรแฮ็ปโลกรุ๊ป M นี้ เพราะเมื่ออุณหภูมิโลกเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อราว14,500 ปีก่อน ลูกหลานของชนเผ่าเร่ร่อนที่รอดชีวิตผ่านยุคน้ำแข็งมาได้ก็ถูกแทนที่โดยประชากรส่วนใหญ่จากแหล่งอื่น นักวิจัยให้ความเห็นทิ้งท้ายไว้ว่า ขั้นตอนต่อไปของการศึกษาคือการสร้างภาพในอดีตให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการวิเคราะห์จีโนมทั้งหมดของโครงกระดูกโบราณเหล่านี้ควบคู่กับตัวอย่างเพิ่มเติมที่เป็นตัวแทนของมนุษย์ต่างเวลาและสถานที่
ทีมข่าววิทยาศาสตร์ อพวช. รายงาน
Link ที่เกี่ยวข้อง
http://www.sciencedaily.com/releases/2016/02/160204150602.htm
http://www.abc.net.au/news/2016-02-05/dna-sheds-light-on-europe-in-ice-age-and-human-migration/7137718