ที่มาภาพ: https://www.bbc.com/news/science-environment-56804147
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับชนิดกาแฟที่ให้รสชาติใกล้เคียงกับกาแฟอราบิก้าคุณภาพสูงและสามารถปลูกได้ในสภาวะอากาศที่ร้อน
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ‘กาแฟ’ คือ เครื่องดื่มยอดนิยมที่ใครหลายๆ ไม่สามารถขาดได้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน จากไลฟ์สไตล์และบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตและร้านกาแฟเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟไม่เป็นที่พอใจตามที่เกษตรกรทั่วโลกคาดหวังไว้ โดยเฉพาะกาแฟอราบิก้า (Coffea arabica) ซึ่งเป็นกาแฟที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อม ซึ่งต้องปลูกในที่สูงและอุณหภูมิเหมาะสม 18-22 องศาเซลเซียส จึงจะได้กาแฟที่มีคุณภาพดี
ในปี 2019 ได้มีการพบกาแฟชนิดพันธุ์หายาก Coffea stenophylla อีกครั้งในป่าของประเทศ Sierra Leone (แถบแอฟริกาใต้) หลังการค้นพบนี้ทีมนักวิจัยได้นำเมล็ดกาแฟมาประเมินทางประสาทสัมผัสแบบ blind-taste เพื่อเปรียบเทียบรสชาติของกาแฟป่าหายากกับตัวอย่างกาแฟอาราบิก้าและกาแฟโรบัสต้า ซึ่งพวกเขาพบว่า C. stenophylla มีรสชาติที่ดีใกล้เคียงกับกาแฟอาราบิก้าที่มีคุณภาพสูง
นอกจากนี้นักวิจัยยังได้จำลองสภาพภูมิอากาศสำหรับปลูก C. stenophylla ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามันเติบโตได้ภายใต้สภาพอากาศที่อุ่นกว่าเล็กน้อยสำหรับการปลูกกาแฟโรบัสต้า และลิเบอริก้า และยังสามารถทนต่ออุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีที่สูงกว่า (24.9 องศาเซลเซียส) ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการปลูกกาแฟอราบิก้าอย่างน้อย 6 องศาเซลเซียส
จากผลการวิจัยที่น่าสนใจดังกล่าว กาแฟชนิด C. stenophylla อาจเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับการพัฒนาการเพาะปลูกและธุรกิจการผลิตกาแฟที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศที่สูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น จึงต้องใช้ความพยายามในการปกป้องรักษามันในแหล่งอาศัยทางธรรมชาติและศึกษาศักยภาพของมันเพิ่มเติมในฐานะพันธุ์พืชคุณภาพสูงที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
อ้างอิง: A.P. Davis et al. 2021. Arabica-like flavour in a heat-tolerant wild coffee species. Nat. Plants 7: 413-418