ภาพจาก : https://www.shutterstock.com/th/image-photo/romania-galati-0802-pfizer-biontech-covid19-1912276450
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ยังไม่มีท่าทีจะคลี่คลายลง ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 142,695,259 คน เสียชีวิตสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 3,043,009 คน ขณะที่ยอดสะสมผู้ติดเชื้อของประเทศไทยล่าสุดอยู่ที่ 45,185 คน เสียชีวิตสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 108 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 เมษายน 2564)
ล่าสุด สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ประกาศว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค สำหรับป้องกันโรคโควิด 19 ที่กำลังดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 อยู่ในขณะนี้ มีความสามารถในการป้องกันโรคโควิด 19 ได้ในระดับสูงนานถึง 6 เดือน หลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2 โดยจากผลการทดสอบความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีนในระยะที่ 3 จากผู้ป่วยโรคโควิด19 ที่แสดงอาการจำนวน 927 ราย พบว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค หรือ BNT162b2 มีประสิทธิภาพในการต่อต้านโรคโควิด 19 ได้สูงถึง 91.3% โดยวัดผลตั้งแต่ระยะเวลา 7 วัน ถึง 6 เดือน หลังได้รับวัคซีนโดสที่ 2
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด 19 ขั้นรุนแรงได้ 100% ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการเกิดโรคโควิด 19 ขั้นรุนแรงได้ถึง 95.3%
จากข้อมูลด้านความปลอดภัยของการทดลองระยะที่ 3 ที่ถูกรวบรวมจากผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมากกว่า 12,000 คน ซึ่งได้มีการติดตามผลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หลังการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและความทนทานต่อยาที่ดี
อัลเบิร์ต บูวร์ลา (Albert Bourla) ประธานและประธานกรรมการบริหารของบริษัทไฟเซอร์ กล่าวว่า “ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนของเรา และทำให้เราสามารถยื่นขอใบอนุญาตทางชีวภาพ (Biologics License Application) ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา”
อูกูร์ ซาฮิน (Ugur Sahin) ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไบโอเอ็นเทค กล่าวว่า “ข้อมูลเหล่านี้ยังแสดงผลการทดลองทางคลินิกระยะแรกที่วัคซีนตัวหนึ่งสามารถป้องกันเชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิด 19 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และหยุดยั้งการระบาดครั้งใหญ่สำหรับประชากรทั่วโลก”
ผลการทดลองใหม่ที่ได้มาเพียง 1 วัน หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศว่าวัคซีนแสดงประสิทธิภาพ 100% เละมีการตอบสนองของแอนติบอดีที่ดีในการทดลองกับวัยรุ่นอายุ 12-15 ปี จำนวน 2,260 คน ในสหรัฐอเมริกา โดยตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 จำนวน 18 ราย ในกลุ่มเด็กที่ได้รับยาหลอกเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีน
บริษัทได้ชี้แจงว่า หลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เป็นเวลา 1 เดือน วัคซีนดังกล่าวทำให้ค่าเฉลี่ยระดับภูมิคุ้มกัน (Geometric Mean Titers : GMTs) ของแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อโรคโควิด 19 อยู่ที่ 1,239.5 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีในกลุ่มวัยรุ่น และมีประสิทธิภาพสูงกว่าผลการทดลองในกลุ่มคนอายุ 16-25 ปี ที่เคยทำการทดลองก่อนหน้านี้
บริษัทไฟเซอร์และบริษัทไบโอเอ็นเทค ได้วางแผนเสนอข้อมูลเหล่านี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency) โดยเร็วที่สุด เพื่อขอเพิ่มการใช้งานกรณีฉุกเฉิน และการวางจำหน่ายแบบมีเงื่อนไขของวัคซีน BNT162b2 ในสหภาพยุโรป ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค เป็นตัวแรก เพื่อใช้งานกรณีฉุกเฉินในสหรัฐสำหรับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เมื่อเดือนธันวาคม ปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงใด ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อโรคโควิด 19 ได้ เนื่องจากวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ยังเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดอาการป่วยรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิต ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อที่ดีที่สุด คือ การสวมหน้ากากอนามัย รักษามาตรการการเว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดอากาศไม่ถ่ายเท เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเรา
เรียบเรียงโดย : ชนินทร์ สาริกภูติ นักวิชาการ กองวิชาการวิทยาศาสตร์ สพว. อพวช.
ที่มาข้อมูล :
Pfizer/BioNTech COVID-19 vaccine remains highly effective after 6 months, trial data show. [ออนไลน์]. 2021, แหล่งที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2021-04/02/c_139853431.htm [8 เมษายน 2564]